Macrophar

ไขความลับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คืนชีวิตให้กลับมาแอคทีฟได้เต็มที่

ไขความลับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คืนชีวิตให้กลับมาแอคทีฟได้เต็มที่


อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงานหนัก การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน อาการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก มาทำความรู้จักกับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อประเภทของอาการ สาเหตุ ท่าทางการออกกำลังกายเพื่อบรรเทา รวมถึงวิธีการบรรเทาอาการปวดเมื่อยด้วยตนเองกันเถอะ

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการใช้งานมากเกินไป (Overuse): เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเมื่อยล้าและอักเสบ มักพบในนักกีฬาหรือผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนเดิมๆ ซ้ำๆ
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการบาดเจ็บ (Strain/Sprain): เกิดจากการฉีกขาดหรือยืดของเส้นใยกล้ามเนื้อหรือเอ็น มักเกิดจากการออกกำลังกายที่หนักเกินไป การยกของหนัก หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดท่า
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากความเครียด (Tension): เกิดจากความเครียดหรือความกังวล ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า และหลัง
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากโรคบางชนิด: เช่น โรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและข้อต่อทั่วร่างกาย

  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายที่หนักเกินไป หรือการออกกำลังกายโดยไม่มีการอบอุ่นร่างกายที่เพียงพอ อาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บหรือเมื่อยล้า
  • การทำงาน: การทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนเดิมๆ ซ้ำๆ หรือการอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเมื่อยล้า
  • ความเครียด: ความเครียดและความกังวลอาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งและเกิดอาการปวดเมื่อย
  • การขาดการออกกำลังกาย: การไม่ออกกำลังกายอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
  • ภาวะขาดน้ำ: การขาดน้ำอาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งและเป็นตะคริว
  • การขาดสารอาหารบางชนิด: เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม

  • การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching): การยืดเหยียดกล้ามเนื้อเป็นสิ่งสำคัญในการลดอาการตึงของกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่น ควรยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างช้าๆ และค้างไว้ประมาณ 15-30 วินาที ตัวอย่างท่าทางการยืดเหยียด เช่น
    • การยืดกล้ามเนื้อคอ: เอียงคอไปด้านข้าง ค้างไว้ จากนั้นสลับข้าง
    • การยืดกล้ามเนื้อบ่า: ยกแขนข้างหนึ่งพาดไปด้านตรงข้าม ใช้มืออีกข้างดึงข้อศอกเข้าหาลำตัว ค้างไว้ จากนั้นสลับข้าง
    • การยืดกล้ามเนื้อหลัง: ก้มตัวลง ใช้มือแตะปลายเท้า ค้างไว้
    • การยืดกล้ามเนื้อขา: ยืนตรง ก้าวขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า งอเข่าลงเล็กน้อย ค้างไว้ จากนั้นสลับข้าง
  • การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise): การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดิน การวิ่ง การว่ายน้ำ หรือการปั่นจักรยาน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและลดอาการปวดเมื่อย ควรออกกำลังกายในระดับปานกลาง ประมาณ 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์
  • โยคะและพิลาทิส (Yoga & Pilates): โยคะและพิลาทิสเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ การทรงตัว และการควบคุมลมหายใจ ซึ่งช่วยลดอาการปวดเมื่อยและเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

นอกจากการออกกำลังกายแล้ว ยังมีวิธีการอื่นๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ ดังนี้

  • การพักผ่อน: การพักผ่อนที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานกล้ามเนื้อส่วนที่ปวดเมื่อย
  • การประคบเย็น: การประคบเย็นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการบาดเจ็บ ช่วยลดอาการบวมและอักเสบ
  • การประคบร้อน: การประคบร้อนหลังจาก 48 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • การนวด: การนวดช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการตึง และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
  • การใช้ยา: ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
  • การใช้สเปรย์บรรเทาอาการปวด: สเปรย์บรรเทาอาการปวดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วในการบรรเทาอาการปวดเมื่อย สเปรย์เหล่านี้มักมีส่วนผสมของสารที่ให้ความเย็น เช่น เมนทอล หรือสารที่ให้ความร้อน ซึ่งช่วยลดอาการปวดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ


อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเป็นอาการที่พบได้บ่อย แต่สามารถบรรเทาได้ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการออกกำลังกาย การพักผ่อน การประคบร้อนและเย็น การนวด การใช้ยา และการใช้สเปรย์บรรเทาอาการปวด การเลือกวิธีการบรรเทาอาการที่เหมาะสมกับสาเหตุและลักษณะอาการ จะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข หากอาการปวดเมื่อยไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง

Tags :
กล้ามเนื้อและกระดูก,อื่นๆ
Share This :