Macrophar

ฝุ่น PM 2.5 ตัวร้าย ทำลายผิว สาเหตุหนึ่งของปัญหาสิว

Have Any Questions?

Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit.

ฝุ่น PM 2.5 ตัวร้าย ทำลายผิว สาเหตุหนึ่งของปัญหาสิว

ช่วงนี้ฝุ่น มลภาวะเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน เนื่องจากสภาวะอากาศปิดอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ฝุ่น PM2.5 เกิดการสะสมตัวมากขึ้นทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือทั้งตอนบนและตอนล่าง ไม่ว่าจะเป็น จ.เชียงใหม่, จ.แม่ฮ่องสอน, จ.กำแพงเพชร, จ.ลำปาง,  จ.ลำพูน, จ.พะเยาและ จ.เชียงราย จ.น่าน จ.แพร่ และจ.ตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.หนองคาย, จ.นครพนม นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ในส่วนภาคกลาง เช่น จ.ราชบุรี และ จ.สมุทรสงคราม รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วย ที่นอกจากจะเป็นมลภาวะที่เข้ามาทำลายสุขภาพแล้ว ยังทำลายระบบทางเดินหายใจ รวมถึงผิวหนังของเรา เพราะฝุ่น PM2.5 มีผลทำให้ระคายเคืองผิว เป็นผื่นแพ้ ผื่นคัน ผิวอักเสบ แล้วก็อาจจะทำให้เป็นสิวได้ง่าย ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง PM2.5 ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคทางปอดและหัวใจ กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้ทั้งทางเดินหายใจและผิวหนัง รวมถึงกลุ่มเด็กเล็ก และในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อลดการสัมผัส PM2.5 ให้น้อยที่สุด

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร? 

PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตรนั่นเอง ดังนั้น PM2.5 จึงเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร ที่แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงจะเป็นเพียงฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว แต่เมื่อมาแผ่อยู่รวมกันจะกินพื้นที่ในอากาศมหาศาล ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศปริมาณสูง เกิดเป็นหมอกควันอย่างที่เราเห็นกัน

ฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้า PM2.5 ยังเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด และหลอดเลือดได้ง่าย ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว 

ฝุ่น pm 2.5

สาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองมีหลายปัจจัย เช่น โรงผลิตไฟฟ้า ควันท่อไอเสียจากรถยนต์ การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่ด้วย ซึ่งปกติแล้วกิจกรรมต่างๆ ที่คนเราทำทุกวันก็ส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่แหล่งต้นตอสำคัญของ PM2.5 ในบรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ และฝุ่นจากการก่อสร้าง

ตัวเมืองที่มีตึกสูงรายล้อมเหมือน “ กรุงเทพ ” จะมีลักษณะคล้ายๆ แอ่งกระทะ เกิดการสะสมของเจ้าฝุ่นร้ายได้ง่าย ซึ่งปกติฝุ่นเหล่านี้จะลอยขึ้นไปในอากาศ ถูกลมพัดฟุ้งกระจายไป แต่ถ้าวันไหนที่อากาศนิ่ง ไม่ค่อยมีลมพัด ฝุ่นละอองจะไม่ฟุ้งกระจาย ส่งผลให้ระดับความเข้มของฝุ่นในพื้นที่นั้นๆ สูงมากขึ้นจนกลายเป็นระดับที่อันตรายต่อสุขภาพ และเจ้าฝุ่น ร้ายมักวนเวียนอยู่มากในช่วงกลางคืน แต่จะค่อยๆ จางหายไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างในยามเช้า

มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร?

ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเจ้าฝุ่นร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีกลิ่น ขนาดเล็กจิ๋วมาก สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายลึกได้ถึงถุงลมปอด บางส่วนสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายได้ความน่ากลัวของเจ้าฝุ่นร้ายนี้ คือ กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบ Antioxidant รบกวนสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และกระตุ้น gene (ยีน) ที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกาย แล้วส่งผลกระทบต่างๆ ตามมา ดังนี้

  • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ เช่น โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง
  • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  • สำหรับผลระยะยาวจะทำให้การทำงานของปอดถดถอย อาจเกิดโรคถุงลมโป่งพองได้แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม และเพิ่มโอกาสทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ด้วย

pm 2.5

PM 2.5 ถือว่าเป็นมลพิษของอากาศ ส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ของผิวลดลงและภูมิต้านทานผิวหนังแย่ลง ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่น แพ้ง่าย เป็นสิวได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ค่อยได้สัมผัสมลพิษทางอากาศ

การป้องกันผิวจาก PM2.5 หรือมลพิษทางอากาศ
  1. ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกข้างนอกบ้าน หรือต้องผ่านที่โล่งแจ้ง โดยแนะนำให้ใส่หน้ากากพิเศษชนิดที่เรียกว่า “เอ็นเก้าห้า (N95)”
  2. ออกกำลังกายในที่ที่มีฝุ่นน้อย ไกลจากถนน อาจเปลี่ยนเป็นออกในบ้านหรือฟิตเนส แทนการวิ่งตามสวนสาธารณะ
  3. รับประทานผักและผลไม้หลากสีสัน เพื่อรับสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกายไว้ใช้ต่อสู้กับมลพิษทางอากาศ
  4. ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวได้ดียิ่งขึ้น
  5. ขั้นตอนการดูแลผิวให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5
    • การทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพราะแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้มลพิษทางอากาศทำงานได้ดีขึ้น ยิ่งในวันที่มีแดดร้อนจัด ร่างกายจะสร้างเหงื่อและน้ำมันออกมาที่ผิวเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดซึ่งเป็นตัวจับฝุ่นที่ดีมาก ก่อให้เกิดการอุดตันและเกิดสิวได้ง่าย การปกป้องผิวด้วยการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านตอนเช้า จึงเป็นตัวช่วยที่ดี โดยแนะนำที่มี SPF 15-50 ตามแสงแดดที่เราต้องเจอ
    • ล้างหน้าให้สะอาด โดยอาจเลือกใช้ Cleanser ที่อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย ไม่ระคายเคือง ปราศจากสบู่และน้ำหอม ซึ่ง 1 ในนั้นมีผลิตภัณฑ์ นิวทรัลแคร์ (Neutral care) โดยใช้ผลิตภัณฑ์นี้เช็คคราบเครื่องสำอางค์ก่อนจากนั้นสามารถใช้เป็นโฟมล้างหน้าต่อได้ในตัวเดียวกัน ใช้เป็นประจำทุกวันเช้าเย็น เพื่อขจัดเศษฝุ่นมลพิษที่ติดค้างในผิว รูขุมขนตามที่ต่างๆให้มากที่สุด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ผิวอักเสบและผดผื่นได้
    • ทา Moisturizer หรือครีมบำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้นที่ผสมสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Vitamin C (วิตามินซี), Vitamin E (วิตามินอี), Astaxanthin (แอสต้าแซนติน), Coenzyme Q10 (โคเอนไซม์คิวเท็น), Ceramide (เซลาไมด์) เพื่อควบคุมความมันและการอุดตันของผิว
  6. รับประทานอาหารเสริมปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ และลดการอักเสบให้ผิว

ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นมลพิษต่ออากาศและร่างกาย ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ คือ หน้ากาก N95 ส่วนหน้ากากประเภทอื่นนั้น ช่วยป้องกันได้เพียงส่วนหนึ่ง และควรใส่ให้ถูกวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมถึงการทำความสะอาดผิวอย่างถูกต้องโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าอ่อนโยนไม่ระคายเคืองผิวล้างออกได้ง่าย และควรเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางค์ก่อนล้างหน้า, มีการทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันป้องกัน UVA, UVB, Visible Light และ Infrared เพื่อช่วยลดการเกิดริ้วรอย ฝ้า จุดด่างดำรวมถึงมะเร็งผิวหนังที่อาจเกิดขึ้นได้นอกจากนี้ควรใช้ครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizer)อย่างต่อเนื่อง แต่วิธีที่ดีสุด คือ การแก้ที่ต้นเหตุ ดังนั้น มาร่วมด้วยช่วยกันคืนอากาศบริสุทธิ์ โดยการเดินทางโดยรถสาธารณะ ลดการใช้รถยนต์ที่ก่อให้เกิดมลพิษจากท่อไอเสีย ลดการเผาไหม้ตามที่ต่างๆ เช่น เผาป่า เผาภูเขา เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่ด้วยเพื่อควบคุมเจ้าฝุ่นร้าย PM2.5 ไม่ให้เกินมาตรฐานกันเถอะ

 

Tags :
Articles,ผิวหนัง,ระบบทางเดินหายใจ
Share This :