ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคท้องเสีย (Diarrhea)

อาการของระบบอาหารนั้นสามารถเกิดได้กับทุกคน แต่กับเด็กนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่อันตรายได้ ระบบทางเดินอาหารนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงตามภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะจากอาหารหรือวิถีชีวิต การสัมผัสกับสิ่งที่ร่างกายไม่คุ้นเคย เช่น ไวรัสหรือแบคทีเรีย สามารถทำให้เกิดอาการในระบบทางเดินอาหารได้หลายอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องบิด หรือที่พบได้มาก คือ อาการอุจจาระร่วง อะไรคืออาการอุจจาระร่วง? อุจจาระร่วง คือ อาการที่อุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำที่เกิดขึ้นบ่อย ฉับพลัน โดยอย่างน้อย คือ สามครั้งต่อวัน มันมีอาการปวดท้อง ปวดบิด คลื่นไส้ มีลมในท้อง หรือท้องอืด อาการอุจจาระร่วงที่หายภายในไม่กี่วัน เรียกว่า อุจจาระร่วงเฉียบพลัน สำหรับในกรณีที่เป็นนานมากกว่านั้น คือ อุจจาระร่วงเรื้อรัง สามารถเป็นได้นานถึงสัปดาห์หรือเดือน ซึ่งเป็นอาการที่นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายและควรที่จะต้องได้รับการดูแล อาการอุจจาระร่วงนั้นเป็นเรื่องที่พบบ่อย ผู้ใหญ่ประเทศสหรัฐอเมริกันเกือบทุกคนมักจะมีอุจจาระร่วงประมาณ 4 ครั้งต่อปี เด็กจะป่วยเป็นอุจจาระร่วงมากกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งโดยเฉลี่ยประมาณ 10 ครั้งจนถึงอายุ 5 ปี หลายอย่างสามารถกระตุ้นอุจจาระร่วงได้ ได้แก่ ไวรัส แบคทีเรีย พยาธิ ผลข้างเคียงจากยา โรคลำไส้บางชนิด เช่น Celiac disease, Crohn’s disease และโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome หรือ IBS) ถ้าเป็นอุจจาระร่วงแล้วต้องทำอย่างไร? ถ้าคุณมีอาการอุจจาระร่วงเฉียบพลัน จริงๆ แล้วอาจจะไม่มีอะไรที่สามารถทำได้นอกจากรอให้ระบบทางเดินอาหารกลับมาเป็นปกติ บางครั้งยาที่รักษาอาการอุจจาระร่วงตามร้านขายยาอาจจะทำให้การติดเชื้อบางชนิดแย่ลงและอาจจะไปรบกวนระบบของร่างกายในการสู้กับอาการนี้ ในระหว่างที่คุณรอให้อาการดีขึ้นนั้น คุณควรทำสิ่งต่อไปนี้ ดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า น้ำซุป น้ำผลไม้ หรือ เครื่องดื่มเกลือแร่ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมอาหารที่มัน เลี่ยงกาแฟ เลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่น้ำตาลเยอะ ทานอาหารอ่อนๆ เช่น ขนมปังแคร๊กเกอร์ กล้วย ขนมปังปิ้ง ข้าวที่ไม่ปรุงรส ไก่อบไร้หนังกับมันต้มสามารถรับประทานได้ ถ้าคุณพอสังเกตได้ว่าอาหารชนิดไหนทำให้อาการของคุณแย่ลง คุณควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น เมื่อไหร่อาการอุจจาระร่วงควรต้องไปพบแพทย์? โดยทั่วไป ภาวะอุจจาระร่วงฉียบพลันมันจะหายได้เอง แต่สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือ การดื่มน้ำและเกลือแร่เยอะๆ เพราะถึงแม้ว่าอาการอุจจาระร่วงจะเป็นแค่สั้นๆ แต่มันสามารถทำให้เกิดการขาดน้ำได้อย่างมาก ในคนที่มีอาการอุจจาระร่วงเรื้อรัง ซึ่งสามารถทำให้เกิดการขาดสารอาหารได้เพราะร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างปกติ การตรวจอุจจาระเพื่อดูการติดเชื้อแบคทีเรีย พยาธิ หรือไวรัส แพทย์จะสามารถจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อให้การักษาในกรณีที่อาการอุจจาระร่วงไม่ดีขึ้นเองภายในไม่กี่วัน ภาวะอุจจาระร่วงเรื้อรังที่เป็นนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ควรที่จะต้องได้ตรวจโดยแพทย์ ถ้าอาการเป็นเรื้อรังหลายสัปดาห์อาจจะทำให้มีอาการขาดน้ำที่รุนแรงได้ ในบางกรณีอาจจะจำเป็นที่จะต้องได้รับสารน้ำทนแทนทางหลอดเลือดดำจนกว่าอาหารอุจจาระร่วงจะสามารถควบคุมได้ ในขณะเดียวกัน ภาวะอุจจาระร่วงสามารถทำให้เกิดอาการรุนแรงได้ในเด็กและเด็กมักจะเกิดอาการขาดน้ำได้รุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้น ไม่ควรที่จะลังเลที่จะพบกุมารแพทย์ ถ้าเด็กมีอาการอุจจาระร่วงต่อเนื่องและมีอาการแสดงของขาดน้ำ อาการขาดน้ำสังเกตได้โดย มีปากแห้ง ตาโหล ปัสสาวะออกน้อย และอ่อนเพลีย อุจจาระร่วงเป็นอาการที่มักจะไม่สบายเท่าไร่ แต่โดนส่วนมากมักจะไม่บ่งบอกถึงภาวะสุขภาพที่ร้ายแรง แต่อย่างไรก็ตามถ้าอาการอุจจาระร่วงเป็นนานติดต่อหลายวัน มีอาการปวดรุนแรง มีไข้ หรืออาการขาดน้ำ ควรพบแพทย์
ป้องกันการเกิดสิว

สิว (Acne) เป็นการอักเสบของผิวหนังที่มีการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วบริเวณรูขุมขน เกิดเป็นจุดเล็ก ๆ ที่อักเสบ บวมแดง หรือมีหนอง ส่วนมากจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอก ไหล่ หรือหลัง การเกิดสิวพบมากในช่วงวัยรุ่นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยทั่วไปสิวมักจะหายไปหรือทุเลาลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น อาการของสิว ลักษณะและอาการที่ปรากฏขึ้นอยู่กับประเภทของสิวแต่ละชนิดและความรุนแรงของการอักเสบด้วย ซึ่งได้แก่ สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวตุ่ม สิวหัวหนอง สิวก้อนลึก และสิวซีสต์ โดยอาการที่พบ เช่น ตุ่มอักเสบมีหนองสีขาว มีจุดหัวสิวสีดำ มีตุ่มแดงเล็ก ๆ มีตุ่มนูนเป็นผดแดง มีตุ่มเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง และเกิดความเจ็บปวดบริเวณที่เป็นสิว สาเหตุของการเกิดสิว สิวเกิดจากการอุดตันที่รูขุมขนบริเวณผิวหนัง ปัจจัยหลักในการเกิดสิว คือ ร่างกายผลิตน้ำมันที่ชั้นผิวหนังมากเกินไป เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไปอุดตันรูขุมขน และการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวหนังทำให้เกิดการอักเสบ ส่วนการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตในช่วงวัยรุ่นก็อาจทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน แม้ยังไม่พบหลักฐานชัดเจนที่พิสูจน์ได้ว่าปัจจัยอื่น ๆ เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเกิดสิว เช่น การกินอาหาร หรือการมีสุขลักษณะที่ไม่ดี แต่การดูแลรักษาสุขภาพและสุขอนามัย ย่อมเกิดประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวม การวินิจฉัยสิว ตรวจดูบริเวณผิวหนังที่เกิดสิว ว่าเป็นสิวชนิดใด มีความรุนแรงของการอักเสบในระดับใด วิเคราะห์จากลักษณะภายนอกที่พบ ระยะเวลาที่สิวอักเสบ และความเจ็บปวดที่เกิดจากการอักเสบของสิว โดยสามารถตรวจดูเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หรือไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยก่อนวางแผนการรักษาต่อไป การรักษาสิว สามารถรักษาได้ด้วยตนเองโดยใช้ยาหรือครีมตามร้านขายยาที่มีใบรับรอง โดยให้เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญช่วยแนะนำได้ หากมีสิวขึ้นจำนวนมาก สิวสร้างความเจ็บปวด หรือรักษาด้วยตนเองแล้วการอักเสบของสิวยังไม่ทุเลาลง ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการตรวจรักษาได้ โดยกระบวนการรักษาขึ้นอยู่กับประเภทของสิว อาการและระดับความรุนแรงของการอักเสบ ประกอบด้วยการรับประทานยา การทายา การฉีดยา และการบำบัดด้วยวิธีต่าง ๆ ภาวะแทรกซ้อนจากการเกิดสิว ในขณะที่เป็นสิว อาจเกิดความวิตกกังวลและความเครียด ที่นำไปสู่การเกิดภาวะซึมเศร้าและการแยกตัวออกจากสังคมได้ และหลังหายจากการเป็นสิว อาจปรากฏเป็นร่องรอยหรือรอยแผลเป็นลึกในบางราย แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน มีวิธีการมากมายให้เลือกใช้ในการรักษารอยที่เกิดจากสิว และการบำบัดรักษาภาวะทางด้านจิตใจด้วยเช่นกัน การป้องกันการเกิดสิว เทคนิควิธีการที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดสิว หรือป้องกันไม่ให้สิวอักเสบเพิ่มขึ้น สามารถทำได้โดย ล้างหน้าบริเวณที่เป็นสิวไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน ไม่แตะต้องสัมผัสบริเวณที่มีสิวอักเสบ ล้างเครื่องสำอางก่อนเข้านอนเพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน ไม่ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ใช้ครีมบำรุงหรือยาที่ช่วยลดน้ำมันส่วนเกินบริเวณผิวหนัง ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปหรือแนบเนื้อเพื่อลดการอักเสบและระคายเคืองของผิวหนัง และอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เพื่อชำระล้างเหงื่อและน้ำมันที่ถูกขับออกมาในแต่ละวัน โดยเฉพาะหลังกิจกรรมหนัก ๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมาก
ฟ้าทะลายโจร ช่วยรักษาอาการป่วยใดได้บ้าง

ฟ้าทะลายโจรเป็นชื่อสมุนไพรที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาที่มีข่าวว่าอาจจะสามารถใช้รักษาหรือป้องกันโรค Covid-19 ได้ ทำให้คนส่วนใหญ่สนใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ยาฟ้าทะลายโจรมารับประทาน วันนี้เราจะมาทบทวนอีกครั้งว่าฟ้าทะลายโจรสามารถใช้รักษาอาการป่วยใดได้บ้าง และมีวิธีการใช้อย่างไร ข้อมูลสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร ชื่อวิทยาศาสตร์ Andrographis paniculata (Burm. f.) Wall. ex Nees ถิ่นกำเนิด แถบเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนที่นำมาใช้เป็นยา ใบและลำต้นส่วนเหนือดิน สารสำคัญออกฤทธิ์ สารกลุ่ม Diterpenoid lactones เช่น andrographolide เป็นต้น สรรพคุณและขนาดรับประทาน (รูปแบบยาแคปซูลหรือยาเม็ดที่มีผงยาฟ้าทะลายโจร) ลดไข้ รับประทานครั้งละ 1 – 1.5 กรัม วันละ 3 – 4 ครั้ง บรรเทาอาการเจ็บคอ และอาการไอเนื่องจากหวัด รับประทานครั้งละ 1 – 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง บรรเทาอาการท้องเสียแบบถ่ายเป็นน้ำ รับประทานครั้งละ 0.5 – 2 กรัม วันละ 4 ครั้ง ฟ้าทะลายโจรป้องกันไข้หวัดได้จริงหรือไม่ สำหรับการศึกษาฟ้าทะลายโจรในการป้องกันหวัดนั้นมีการศึกษาทางคลินิก 1 งานวิจัย พบว่าคนกลุ่มที่กินฟ้าทะลายโจรป่วยเป็นหวัด (Common colds) น้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กิน (n = 108) สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) มีการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าสารสกัดฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดนก (H9N1 และ H5N1) และไวรัสไข้หวัดใหญ่ (H1N1) ซึ่งรวมถึงล่าสุดที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ของประเทศไทยได้ศึกษาว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส Covid-19 ได้ ซึ่งการศึกษาประสิทธิภาพของฟ้าทะลายโจรในการป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ และ Covid-19 ยังคงต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมในมุนษย์ต่อไป เพื่อดูขนาดรับประทานที่เหมาะสมและปลอดภัย สรุป จากข้อมูลปัจจุบันยังคงแนะนำให้รับประทานฟ้าทะลายโจรเมื่อเริ่มมีอาการ ไข้ เจ็บคอ โดยสามารถรับประทานควบคู่กับยาแผนปัจจุบันได้ แต่หากรับประทานแล้ว 3 วัน อาการไข้และเจ็บคอยังไม่ดีขึ้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร โดยยังต้องทำการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยสำหรับการรับประทานฟ้าทะลายโจรติดต่อกันเพื่อการป้องกันโรค ฟ้าทะลายโจรตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยจะไม่แนะนำให้รับประทานติดต่อกันมากกว่า 7 วัน เนื่องจากเป็นยาเย็นอาจมีผลให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องผูก ท้องอืด แขนขาชาหรืออ่อนแรงได้ นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามใช้และข้อควรระวัง ได้แก่ ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ฟ้าทะลายโจร ระวังการใช้ร่วมกับยากลุ่มต้านการจับตัวของเกล็ดเลือดและลิ่มเลือด ห้ามใช้ในผู้ป่วยติดเชื้อ Streptococcus group A แหล่งอ้างอิง 1) BBC News Thai. (2020, April 19). Retrieved from ลิงค์ 2) Committee on Herbal Medicinal Products. (2014). Assessment report on Andrographis paniculata Nees, folium. European Medicines Agency. 3) FA THALAI CHON. (2015). Journal of Thai Traditional & Alternative Medicine, 265-270. 4) การแพทย์แผนไทยประยุกต์ศิริราช. (5 Febuary 2020). โรงพยาบาลศิริราช. เข้าถึงได้จาก ลิงค์ 5) รศ.ดร.ภญ.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์. (2020). ฟ้าทะลายโจร สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์ COVID-19 ระบาด ได้จริงหรือ? สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. 6) ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล. (13 April 2020). ความรู้แผนไทย. เข้าถึงได้จาก ลิงค์
ยาแก้ท้องเสียกลุ่มสารดูดซับคืออะไร

ยาแก้ท้องเสียที่จัดอยู่ในกลุ่มสารดูดซับ ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่มีตัวยาต่างกันดังนี้ Dioctahedral smectite Activated charcoal Kaolin โดยยากลุ่มสารดูดซับจะออกฤทธิ์ดูดซับเชื้อโรคและสารพิษที่อยู่ในทางเดินอาหาร เพื่อขับออกจากร่างกาย เนื่องจากอาการท้องเสียโดยส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับเชื้อโรคเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบขับถ่ายในร่างกาย ประสิทธิภาพของตัวยา อย่างไรก็ตามตัวยาทั้ง 3 ตัวที่ได้กล่าวไปก็มีข้อแตกต่างในส่วนของผลการทดสอบประสิทธิภาพในผู้ป่วยของแต่ละตัวยาที่แตกต่างกัน ตัวยา Dioctahedral smectite เป็นตัวยาเดียวที่มีผลยืนยันประสิทธิภาพการใช้รักษาท้องเสียในเด็ก ตามคำแนะนำของสมาคมกุมารเวชศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาตัวยาดังกล่าวให้อยู่ในรูปแบบยาน้ำพร้อมรับประทานภายใต้ชื่อการค้า Dehecta ใน 1 ซองบรรจุยาน้ำ 20 ml (มีตัวยา Dioctahedral smectite 3g) เพื่อความสะดวกในการพกพาและนำมาใช้เมื่อมีอาการท้องเสีย สามารถใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การใช้ยาแก้ท้องเสียกลุ่มสารดูดซับ สำหรับคำแนะนำการใช้ยาแก้ท้องเสียกลุ่มสารดูดซับ แนะนำให้ดื่มน้ำตามหลังรับประทานยาเพราะยาอาจจะทำให้เกิดอาการท้องผูก และที่สำคัญคือถ้าผู้ป่วยมียาที่ต้องรับประทานร่วมกัน หรือยารักษาโรคประจำตัว จะต้องรับประทานยาแก้ท้องเสียกลุ่มสารดูดซับห่างจากยาอื่น 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ตัวยาไปดูดซับยาอื่น ทั้งนี้ก่อนการใช้ยาทุกชนิดควรปรึกษาขนาดและวิธีใช้ยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกรชุมชนใกล้บ้านท่าน เพื่อความมั่นใจและประสิทธิภาพและความปลอดภัยจากการใช้ยา แหล่งข้อมูลอ้างอิง 1) สมาคมกุมารเวชศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ. (n.d.). แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคท้องร่วงเฉียบพลันในเด็ก พ.ศ.2562. 2) ภญ.สิริมา วรนาวิน. (ม.ป.ป.). การใช้ยาแก้ท้องเสียให้ถูกต้อง. เข้าถึงได้จาก ฝ่ายเภสัชกรรม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี: ลิงค์
เมื่อลูกท้องเสีย..จะให้กินอาหารอะไรได้บ้าง

เด็กเล็กเป็นวัยที่เกิดท้องเสียได้มากที่สุด เนื่องจากภูมิต้านทานยังพัฒนาไม่เต็มที่ หรือมักจะหยิบอาหารรับประทาน หรือมีพฤติกรรมการหยิบจับของเล่นแล้วเอาเข้าปาก และการคลานโดยที่ยังไม่รู้จักการป้องกันตัวเองจากสิ่งสกปรก เมื่อเด็กมีอาการท้องเสียสิ่งสำคัญคือการให้ทยอยจิบน้ำเกลือแร่ ORS เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากการขับถ่าย และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้าน เพื่อแนะนำการใช้ยาตามอาการให้เหมาะสม สำหรับการรับประทานอาหารในเด็กที่ท้องเสียโดยแพทย์มีคำแนะนำ ดังนี้ เด็กเล็กที่รับประทานนมแม่ให้รับประทานตามปกติ ให้รับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะกับช่วงวัย โดยให้เลือกอาหารที่ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก หรือข้าวต้ม ไม่จำเป็นต้องงดนมผสม ให้รับประทานได้ตามปกติ แต่อาจจะแบ่งเป็นทีละน้อยและรับประทานบ่อยๆ สำหรับนมสูตรปราศจากแลคโตสจะเหมาะกับเด็กที่มีอาการท้องเสียรุนแรง หรือเด็กที่มีภาวะ lactose intolerance สำหรับยาแก้ท้องเสียที่สามารถรับประทานได้ในเด็ก ได้แก่ตัวยา Dioctahedral smectite โดยออกฤทธิ์ช่วยดูดซับเชื้อโรคทั้งไวรัส แบคทีเรีย และสารพิษที่เชื้อโรคสร้างขึ้น สามารถให้รับประทานในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปโดยมีผลการศึกษาประสิทธิภาพว่าช่วยให้หายท้องเสียได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น Dehecta ซึ่งมีตัวยา Dioctahedral smectite อยู่ในรูปแบบยาน้ำพร้อมรับประทาน รสวานิลลา-สตรอว์เบอร์รี่ แหล่งข้อมูลอ้างอิง 1) วิทยาศัย, ผ. (n.d.). โรคท้องเสียในเด็ก. Retrieved from กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี: ลิงค์ 2) สมาคมกุมารเวชศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ. (n.d.). แนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาโรคท้องร่วงเฉียบพลันในเด็ก พ.ศ.2562.
วัดความดันโลหิตอย่างไร ให้ถูกต้อง

สำหรับผู้ที่จะวัดความดันโลหิตเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องแม่นยำ โดยมีคำแนะนำจากสมาคมโรคความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย ดังนี้ ไม่ดื่มชาหรือกาแฟ และไม่สูบบุหรี่ ก่อนทำการวัดความดันโลหิตอย่างน้อย 30 นาที หากมีอาการปวดปัสสาวะควรแนะนำให้ไปปัสสาวะก่อน นั่งพักบนเก้าอี้ในห้องที่เงียบสงบเป็นเวลา 5 นาที หลังพิงพนักเพื่อไม่ต้องเกร็งหลัง เท้า 2 ข้างวางราบกับพื้น ห้ามนั่งไขว่ห้าง ไม่พูดคุยทั้งก่อนหน้าและขณะวัดความดันโลหิต วางแขนซ้ายหรือขวาที่จะทำการวัดอยู่บนโต๊ะโดยให้บริเวณที่จะพัน arm cuff อยู่ระดับเดียวกับระดับหัวใจ ไม่เกร็งแขนหรือกำมือในขณะทำการวัดความดันโลหิต ที่มา: แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูง ในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ.2562 สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย
วัดความดันโลหิตที่บ้าน วัดเวลาไหน ? ช่วยคุมความดันได้ดีขึ้น

การวัดความดันโลหิตที่บ้านมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วย รับประทานยาลดความดันโลหิตอย่างต่อเนื่อง และทำให้ควบคุมความดันโลหิตได้ดีขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้การวัดความดันโลหิตที่บ้านในการช่วยการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โดยแนะนำให้ใช้เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดพกพา ทำงานอัตโนมัติวัดบริเวณต้นแขนและควรเป็นเครื่องที่ผ่านการรับรองจากสถาบันกำหนดมาตรฐาน ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องชนิดที่วัดบริเวณข้อมือหรือปลายนิ้ว ยกเว้นในกรณีที่การวัดความดันโลหิตบริเวณต้นแขนทำได้ลำบาก เช่น ในผู้ป่วยที่อ้วนมาก เป็นต้น แนะนำให้วัดความดันโลหิตที่บ้านวันละ 2 ช่วงเวลา โดยมีข้อแนะนำ ดังนี้ วัดความดันโลหิตในท่านั่ง เท้าทั้งสองวางราบกับพื้นและวัดความดันโลหิตหลังจากนั่งพักอย่างน้อย 2 นาที วัดความดันโลหิตวันละ 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเช้าและช่วงเย็น โดยแต่ละช่วงเวลาให้วัดความดันโลหิตอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1 นาที ควรวัดติดต่อกัน 7 วันหรืออย่างน้อย 3 วัน ช่วงเช้าควรวัดความดันโลหิตภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากตื่นนอน และหลังจากปัสสาวะเรียบร้อยแล้ว ควรวัดความดันโลหิตก่อนรับประทานอาหารเช้า และก่อนรับประทานยาลดความดันโลหิต (ถ้ามี) รอบค่ำ ควรวัดก่อนเข้านอน ที่มา: แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูง ในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ.2562 สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย
ปัจจัยอะไรบ้าง? ที่มีผลต่อระดับไขมันในเลือด

1. อายุ ปริมาณของไขมันในเลือดแปรตามอายุ พบว่าไขมันที่วัดได้จากเลือดสายสะดือของเด็กแรกเกิดตํ่ามากและจะเพิ่มขึ้นเร็วมากในวัยเด็ก แต่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะเพิ่มขึ้นทีละน้อย ระดับแอลดีแอลจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงอายุ 60 ปี 2. เพศ ความแตกต่างระหว่าเพศมีผลต่อระดับ ไตรกลีเซอไรด์มากกว่าระดับของโคเลสเตอรอล โดยพบว่าเพศชายมีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงกว่าเพศหญิงทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20–39 ปี ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเพศชายจะสูงกว่าเพศหญิงถึงร้อยละ 40 แต่ความแตกต่างจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น สำหรับระดับของโคเลสเตอรอลพบว่าแตกต่างกันไม่มาก แต่ระยะหนุ่มสาว ค่าของโคเลสเตอรอลในชายจะสูงกว่าหญิง จนเมื่อวัย 40-50 ปี หญิงจะมีระดับโคเลสเตอรอลสูงกว่าชาย 3. อาหาร ตามปกติร่างกายจะสามารถสร้างหรือผลิตสารโคเลสเตอรอลขึ้นในร่างกายได้เองเป็นส่วนใหญ่ และสารโคเลสเตอรอลที่มีอยู่ในร่างกายส่วนใหญ่ก็ได้จากส่วนที่ร่างกายสร้างขึ้นมากกว่าจากอาหารที่บริโภค แต่อาหารอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลระดับโคเลสเตอรอล 4. การออกกำลังกาย จะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดและเพิ่มเอชดีแอล อีกทั้งยังช่วยลดนํ้าหนักด้วย 5. บุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้เอชดีแอลลดลงได้มากกว่าร้อยละ 15 และพบว่าการเลิกสูบบุหรี่จะทำให้ระดับไขมันเอชดีแอลกลับสู่ระดับปกติ 6. กรรมพันธุ์ ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูงจากกรรมพันธุ์เกิดจากมีความผิดปกติทางพันธุกรรมในการสร้างหรือการเผาผลาญแอลดีแอล จึงทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง 7. แอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจะทำให้มีไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น 8. ความอ้วน ผู้ที่อ้วนจะมีระดับแอลดีแอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง 9. ความเครียด ผู้ที่มีความเครียดจะทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญสูงมากขึ้น แต่ไม่สามารถนำแอลดีแอลไปใช้ได้ จึงทำให้ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้น 10. สาเหตุอื่นๆ ห้องปฏิบัติการและวิธีวิเคราะห์ไขมันแตกต่างกันและความเจ็บป่วยก็มีผลทำให้เกิดการรบกวนต่อเมตาบอลิซึมของระดับไขมันในเลือด ดังนั้นควรตรวจซํ้าอีกภายหลังจากหายป่วย 2-3 สัปดาห์ ที่มา: ความรู้เรื่องภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ Dyslipidemia. พีระ สมบัติดี, สายสมร พลดงนอก, สิทธิชัย เนตรวิจิตรพันธ์. พิมพ์ครั้งที่ 1.ขอนแก่น : หน่วยสร้างเสริมสุขภาพงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลศรีนครินทร์, 2558.
มาทำความรู้จัก ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ

ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia) หมายถึง – ภาวะที่มีโคเลสเตอรอล (Cholesterol) อยู่ในเลือดสูงมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร– ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) มากกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร– ไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นตํ่า (Low Density Lipoprotein : LDL) มากกว่า 160 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร– ไลโปโปรตีนที่มีความหนาแน่นสูง (High Density Lipoprotein : HDL) ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติน้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร โดยต้องเจาะเลือดตรวจซํ้ากัน 2-3 ครั้ง ห่างกัน ครั้งละ 2-3 สัปดาห์และเป็นการเจาะเลือดในตอนเช้าหลังนอนพักผ่อนมาเต็มที่และงดอาหารเครื่องดื่มต่างๆเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ชั่วโมงแล้ว ภาวะดังกล่าวเป็นภาวะที่พบมากขึ้นในคนไทยที่มีการดำเนินชีวิตแบบเมือง คล้ายคนในประเทศตะวันตก ภาวะที่เกิดขึ้นนี้สัมพันธ์กับ โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ปัจจุบันเป็นที่น่าวิตกมากสำหรับคนทั่วไป เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้นับเป็นโรคร้ายอีกชนิดหนึ่งที่ทำให้ประชากรเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ที่มา: ความรู้เรื่องภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ Dyslipidemia. พีระ สมบัติดี,สายสมร พลดงนอก, สิทธิชัย เนตรวิจิตรพันธ์. พิมพ์ครั้งที่ 1.ขอนแก่น : หน่วยสร้างเสริมสุขภาพงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลศรีนครินทร์, 2558.
การดูแลรักษาสิว

วัยรุ่นแต่ละคนย่อมมีปัญหาสิวที่แตกต่างกัน สิวจะปรากฏอาการในผู้หญิงช่วงอายุ 14-17 ปี และในผู้ชายช่วงอายุ 16-19 ปี หากนิยามความหมายของสิว สิวคือการอักเสบของหน่วยรูขน ทั้งนี้การรักษามักจะดูตามระดับความรุนแรงของสิวได้แก่ – สิวเล็กน้อย (mild acne) มีหัวสิวไม่อักเสบ (comedone) เป็นส่วนใหญ่ หรือมีสิวอักเสบ (papule และ pustule) ไม่เกิน 10 จุด มักใช้เพียงยาทาที่ออกฤทธิ์ลดสิวอุดตัน ยาทาฆ่าเชื้อสิวและลดการอักเสบ – สิวปานกลาง (moderate acne) มี papule และ pustule ขนาดเล็กจำนวนมากกว่า 10 จุดและ/หรือ มี nodule น้อยกว่า 5 จุด กรณีนี้อาจใช้ยาทาสำหรับสิวร่วมกับยารับประทานกลุ่มปฏิชีวนะ – สิวรุนแรง (severe) มี papule และ pustule มากมาย มี nodule หรือ cyst เป็นจำนวนมากหรือมี nodule อักเสบอยู่นานและกลับเป็นซ้ำหรือมีหนองไหล มี sinus tract และต่อมไขมัน (pilosebaceous unit) ซึ่งสิวรุนแรงนั้นต้องพบแพทย์เพื่อพิจารณายารับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ยากลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอ ยากลุ่มฮอร์โมน อย่างไรก็ตามไม่ควรซื้อยามาใช้เองควรปรึกษาเภสัชกรและแพทย์เพื่อใช้ยาทาหรือยารับประทานได้อย่างถูกต้อง โดยเบื้องต้นสามารถดูแลโดยการล้างหน้าให้สะอาดโดยสบู่แบบอ่อนโยน ไม่ควรใช้สครับขัดผิวหน้าเด็ดขาด เพราะจะยิ่งเพิ่มอาการระคายเคือง อย่านอนดึก และลดความเครียด ที่สำคัญงดเครื่องสำอางที่ไม่จำเป็น งดบีบสิว และมีความอดทนเนื่องจากสิวส่วนมากใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะหาย ไม่งั้นอาจเกิดรอยสิวที่เป็นแผลเป็นได้ Reference: 1. Clinical Practice Guideline Acne 20102. https://med.mahidol.ac.th/atrama/sites/default/files/public/pdf/column/AtRama29_C01.pdf